พระสมเด็จพิมพ์ขอบล่างฟันหนู ชื่อฟังดูแปลกและไม่คุ้นหู เพราะไม่เป็นที่นิยมของเซียนทั้งหลาย จึงไม่ใคร่ได้ถูกกล่าวถึงในตำราหรือนิตยสาร ความจริงแล้ว พระสมเด็จพิมพ์นี้มีความงดงามในพุทธศิลป์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพิมพ์ใด หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นพิมพ์ที่งดงามที่สุดก็ว่าได้
เหตุที่พิมพ์นี้ไม่ใช่พิมพ์นิยมของวงการเซียนพระ อาจเป็นได้ว่า ในอดีตที่ผ่านมาไม่ปรากฏพระพิมพ์นี้ เมื่อไม่รู้จัก จึงไม่มีการเล่นหาหรือสะสม
หนังสือ "พระสมเด็จวัดระฆัง" ของ "ขจรพรรณ สวยฉลาด" ให้ข้อมูลไว้ว่า เป็นพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ กลุ่ม E (คือกลุ่มพิมพ์ที่ไม่เป็นที่นิยม)
พระสมเด็จพิมพ์นี้ สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้ มีพลังพุทธคุณสูงล้ำไม่น้อยไปกว่าพระวังหน้า หรือ วังหลวง พลังออกจะมาแรงและเร็วกว่าพระวังหน้าหลาย ๆ องค์ด้วยซ้ำไป
เมื่อพิจารณาถึงพลังพุทธคุณดังกล่าวประกอบกับความไม่เป็นที่รู้จักของเซียนพระแล้ว ทำให้เกิดข้อสงสัยเป็นคำถามคาใจว่า พระพิมพ์นี้เป็น พระวัดระฆัง หรือ เป็นพระสายวัง กลุ่มเดียวกับพระวังหน้าหรือวังหลวง กันแน่
ในข้อนี้ ศาสตราจารย์อรรคเดช กฤษณะดิลก ได้บรรยายไว้ในหนังสือ "จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง" ให้ชื่อเรียกว่า "พระสมเด็จวัดระฆังวังหลวง" โดยหมายถึง พระสมเด็จที่สร้างขึ้นในวัดระฆัง ปลุกเสกโดย สมเด็จพุฒาจารย์โต แล้วนำไปเก็บรักษาในวัดซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐาน
เป็นข้อมูลไว้ให้ศึกษาค้นคว้ากันต่อไป
*** พระสมเด็จ พิมพ์ขอบล่างฟันหนู 3 องค์นี้ หลวงพ่อถวัลย์ วัดพระธาตุแม่เจดีย์ ท่านได้เมตตามอบให้ไว้บูชาเมื่อคราวที่ไปกราบนมัสการเมื่อต้นปีที่แล้ว
องค์ที่ 1
องค์ที่ 2
องค์ที่ 3
ทั้งสามองค์นี้ จะเห็นได้ว่าพระอยู่ในสภาพเดียวกัน คือ แห้ง มิใช่แห้งเฉพาะเนื้อพระ แต่ผิวพระก็แห้ง ไม่มีคราบมันเจือปน แสดงให้เห็นถึงการเก็บรักษาที่ไม่ผ่านการจับต้องใด ๆ และมีลักษณะของคราบสีเหลืองปกปิดผิวพระอยู่ทุกองค์ เข้าใจว่าน่าจะเป็น ขมิ้น ซึ่งคนโบราณโรยไว้เพื่อรักษาเนื้อพระ เช่นเดียวกับพระอื่น ๆ ที่พบที่วัดพระธาตุแม่เจดีย์นี้ หากนำมาล้างเปิดให้เห็นผิวที่แท้จริงแล้วจะพบว่า เนื้อพระออกสีขาว เป็นเนื้อปูนเพชร ที่มีมวลสารอยู่มากมาย ดังที่เห็นในภาพ
เมื่อล้างผิวแล้ว
พระสมเด็จ พิมพ์ขอบล่างฟันหนู เท่าที่พบแล้ว มีไม่น้อยกว่า 6 แม่พิมพ์ และพบอยู่ในสภาพต่าง ๆ กัน บางองค์ขาว เรียบนวล บางองค์แตกลายงา ลายไข่นกปรอด บางองค์มีคราบฝุ่น ความชื้น บางองค์มีคราบเหมือนยางรัก สำหรับด้านหลังองค์พระมีแบบเรียบกับแบบหลังคลื่นหรือขั้นบันได
องค์ที่ 4 วรรณะขาว เรียบนวล (พื้นที่ส่วนใหญ่ของด้านหน้าองค์พระ)
องค์ที่ 5 แตกลายงา หลังคลื่นหรือขั้นบันได ถ้าสังเกตก็จะเห็นว่า ลักษณะผิวพระด้านหลังจะเหมือนกับกับพระที่พบที่วัดพระธาตุแม่เจดีย์ ซึ่งล้างผิวแล้ว ตามภาพด้านบน
องค์ที่ 6 แตกลายไข่นกปรอด
องค์ที่ 7 ผิวฉ่ำ องค์จริงส่องกล้องแล้วจะเห็นผิวฉ่ำเกือบทั้งองค์ ตามภาพคงพอพิจารณาได้ที่พระอุระ (หน้าอก) และพระพาหา (แขนท่อนบน) ผิวพระจะใสเหมือนเป็นเกล็ดส่องเห็นผิวและมวลสารด้านใน เข้าใจว่าองค์พระน่าจะถูกความชื้นสะสม หากถูกล้างผิวก็จะเห็นเนื้อพระสีขาวลักษณะเดียวกับองค์ที่ 4 และ 5
องค์ที่ 8 มีคราบฝุ่นมาก และอาจโดนน้ำ จึงทำให้ปรากฏคราบดังที่เห็น
องค์ที่ 9 ปรากฏคราบเหมือนยางรักทั้งองค์
ชมภาพมุมด้านข้างเปรียบเทียบระหว่าง
องค์ที่ 1 ด้านซ้าย และ องค์ที่ 5 ด้านขวา
ปัจจุบันมีการประกวดพระพิมพ์นี้ในหมู่ผู้นิยมและสะสมบ้างตามสมควร เช่น จากนิตยสารบุญพระเครื่อง
ผู้ที่ศรัทธาและเชื่อมั่นยังคงพอตามหาพระสมเด็จพิมพ์ขอบล่างฟันหนูนี้ได้ตามตลาดพระทั่วไป พระที่เซียนเมิน พระที่สายพระไม่สนใจ พระที่แผงพระเหมามาขายในราคาถูก แต่มีพุทธคุณสูงล้ำจึงยังคงพบเห็นอยู่เสมอ