วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หนังสือวัดพระธาตุแม่เจดีย์ เล่ม 2

          และแล้วก็ถึงวันที่รอคอย   หนังสือวัดพระธาตุแม่เจดีย์ เล่ม 2  ที่จะมาไขข้อค้างคาใจบางประการที่ยังติดอยู่ในเล่ม 1   โดยเล่มนี้ใช้ชื่อว่า  "วัดพระธาตุแม่เจดีย์ คำตอบสุดท้ายของวงการพระเครื่อง"   ปกแข็ง พิมพ์สีทั้งเล่มเช่นเดียวกับเล่มแรก   แต่มีขนาดเล็กลงเท่าพ็อคเก็ตบุ๊ค   ทำให้ภาพมีขนาดเล็กลงตามขนาดหนังสือด้วย  แต่ก็ทำให้หยิบจับไปอ่านตามสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวก   จำนวน 331 หน้า ราคา 500 บาท (โปรดสอบถามราคาจากทางวัดอีกครั้ง)   มีเนื้อหาสาระที่สำคัญคือ
          - ประวัติพระธาตุแม่เจดีย์
          - เส้นทางการเดินทางของพระเครื่องจากกรุงเทพฯ
          - พระสมเด็จวังหน้าและพระสมเด็จกรุวัดอินทรวิหาร  ที่พบจากวัดอื่น
          - วิเคราะห์พระสมเด็จวังหน้า  ทั้งในเรื่อง พระรูปของ ร.๕   ตราที่ประทับ ศักราช อัญมณี และตัวหนังสือที่ปรากฏบนองค์พระ
          - วิเคราะห์พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ขอบล่างฟันหนู
          - ภาพพระเครื่องต่าง ๆ 

และนี่เป็นบางส่วนที่เรียกน้ำย่อย


































          หากสนใจหนังสือ เชิญติดต่อบูชาที่วัด หรือโทรสอบถามหลวงพ่อถวัลย์ หรือ ผู้เขียน (จงคิด ชินวินิจกุล) ตามเบอร์โทรที่ปรากฏในภาพครับ

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พระสมเด็จวังหน้าขนาดบูชา

          นอกจากพระเครื่องที่สามารถบูชาติดตัวได้แล้ว   ช่างสิบหมู่ยังถ่ายทอดจินตนาการผ่านออกมาในรูปของพระบูชาและวัตถุมงคลแบบต่าง ๆ มากมาย    ดังได้เห็นกันแล้วที่วัดพระธาตุแม่เจดีย์    และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งจากจินตนาการอันล้ำเลิศดังกล่าว



พิมพ์ (เกศ) ไชโย
องค์นี้มีขนาดใหญ่กว่าองค์อื่น ๆ ที่เคยเห็น   มีคราบรัก ชาด หลงเหลืออยู่  เข้าใจว่าเจ้าของเดิมอาจพยายามล้างออก เพราะมีร่องรอยเหมือนการถู   เนื้อพระแก่ปูน


ด้านหลังมียันต์  และระบุ พ.ศ. ๒๔๑๑






..................................................................


พิมพ์พระประธาน
ขนาดประมาณกระดาษ A4 หรือใหญ่กว่าเล็กน้อย   เนื้อพระแก่ปูนเช่นเดียวกัน



..................................................................

พิมพ์ปรกโพธิ์พระประธาน



..................................................................

พิมพ์พระประธานเกศทะลุซุ้ม



..................................................................

องค์นี้ขนาดประมาณฝ่ามือ  ถักเชือกหุ้มขอบ  มีกริ่ง  มีคราบกรุสีออกเหลืองส้ม
พลังอิทธิบารมีในหลวงปู่โตสูงยิ่ง   พบมีหลายพิมพ์ด้วยกัน



..................................................................

Update 15 ตุลาคม 2555

12 นักษัตร   ขนาดประมาณกระดาษ A4 หรือใหญ่กว่าเล็กน้อย
ความวิจิตรบรรจงของช่างหลวง ถ่ายทอดออกมาได้อย่างงดงาม



วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การเปิดให้บูชาพระ

          ความตั้งใจแต่แรกเริ่มที่ผมสร้างบล็อกนี้ขึ้นมา คือ    ต้องการเผยแพร่พระสมเด็จวังหน้า  รวมทั้งพระสมเด็จสกุลอื่นๆ (หากมี) ให้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น  ให้บุคคลทั่วไปได้ทราบว่ายังมีพระสมเด็จแท้ๆที่หลวงปู่โตท่านเมตตาอธิษฐานจิต และมีพลังพุทธานุภาพสูงล้ำกว่าพระเครื่องใดๆ    ทั้งยังพอหาบูชาตามสนามพระได้อยู่ในราคาที่ไม่สูงนัก    ไม่ต้องหลงอยู่ในวังวนของพวกพุทธพาณิชย์    จึงนำพิมพ์พระต่างๆมาลงไว้ให้ศึกษากัน  โดยไม่ได้คิดจะนำออกให้บูชาแต่อย่างใด
          .
          แต่ระยะหลังมีหลายท่านติดต่อมาขอบูชา    อาจเป็นเพราะตามสนามพระทั่วไปน่าจะมีน้อยลง เนื่องจากมีหลายๆท่านที่ทราบข้อมูลและตามเก็บมานานแล้ว   หรือบางท่านไปเดินตามสนามพระแล้วอาจไม่แน่ใจว่าองค์ที่พบที่เห็นจะเป็นของแท้หรือไม่    ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ    พระสมเด็จแท้นั้นจะดูเป็นได้ก็เมื่อต้องเห็นต้องสัมผัสองค์ที่แท้มาก่อน   ยิ่งเห็นมากยิ่งสัมผัสมากก็จะดูออกง่ายมากขึ้นเท่านั้น    การศึกษาจากเพียงตำราหรือภาพถ่ายคงไม่สามารถช่วยให้เข้าใจได้เท่ากับการสัมผัสองค์จริง
          .
          ในใจจริงผมก็อยากจะให้ผู้คนทั้งหลายที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ในศีลในธรรม เคารพและบูชาในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต   ได้มีพระสมเด็จแท้ๆไว้บูชาติดตัวกันทุกคน   อิทธิบารมีในองค์สมเด็จจะได้ช่วยเกื้อหนุนให้เจริญรุ่งเรืองและคุ้มครองให้ปลอดภัย     ผมโชคดีมีบุญวาสนาที่ได้บูชาพระสมเด็จอยู่จำนวนหนึ่ง   ซึ่งมีทั้งพระสมเด็จวังหน้า พระสมเด็จวังหลวง พระสมเด็จบางขุนพรหม และพระสมเด็จวัดระฆัง    ก็อาจจะถือว่ามาก  แต่ก็ไม่มากไปกว่าหลายๆท่านที่มีไว้ในครอบครองหลายพันหรือนับหมื่นองค์      ผมไม่เคยนำออกให้บูชาในลักษณะ "ขาย" หรือที่เรียกกันในภาษาวงการพระว่า "ให้เช่า"      มีแต่ "มอบให้"  ให้ด้วยความปีติยินดียิ่ง   ด้วยหวังว่าพระสมเด็จที่มอบให้นี้จะช่วยคุ้มครองบุคคลนั้นๆให้เจริญรุ่งเรืองและปลอยภัย     แต่การมอบให้นั้นผมต้องเลือกบุคคลที่เหมาะสม  บุคคลที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นคนดี มีคุณธรรม    เพราะพระสมเด็จท่านเลือกบุคคลที่จะอยู่ด้วย   หากผมมอบให้ใครต่อใครไปโดยไม่พิจารณาเลยว่าบุคคลนั้นเป็นคนดีมีคุณธรรมหรือไม่   ผมย่อมทำผิด      นอกจากนี้โลกเราในวันข้างหน้าอาจเกิดกาลวิกฤติ    พลังพุทธานุภาพในองค์พระสมเด็จจะช่วยคุ้มครองให้คนดีมีคุณธรรมอยู่รอดปลอดภัย
          .
          ผมได้อ่านบทความหนึ่งของ ดร.ณัฐนนต์  สิปปภากุล  มีข้อความส่วนหนึ่งที่น่าสนใจมาก   ขออนุญาตคัดลอกมาลงไว้ ณ ที่นี้
พระสมเด็จวัดระฆัง : มุมมองทางด้านวิชาการ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์  สิปปภากุล
Asst. Prof. Dr.Natdhnond Sippaphakul 
D.A. ( Arts and Culture Research)

.
ในช่วงปัจจุบันนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า เริ่มมีพระสมเด็จพิมพ์ต่างๆ หลายเนื้อ หลายสภาพ ปรากฏขึ้นมามาก โดยเฉพาะกับผู้ที่มีบุญหรือผู้ที่ปฏิบัติธรรม นั่นอาจเป็นเพราะว่า ถึงช่วงเวลาที่องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านได้กำหนดไว้ ผู้มีบุญและผู้ศรัทธาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็มักจะได้เห็นและได้ครอบครองพระสมเด็จด้วยวิธีแปลกๆ อย่างไม่คาดฝัน โดยเฉพาะผู้ที่สวดพระคาถาชินบัญชรมานาน ผู้เขียนเคยสนทนากับผู้มีญาณทั้งหลาย ทั้งพระอริยสงฆ์ ผู้บรรลุธรรมชั้นสูง ผู้มีองค์ใน ล้วนกล่าวตรงกันว่า นับจากปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ถือเป็นช่วงกึ่งกลางของพุทธศาสนาที่บรรดาเทพทั้งหลาย ต้องลงมาดูแลพระพุทธศาสนาต่อจากพระสงฆ์ ตามที่อาสาไว้เมื่อครั้งพุทธกาล และยังกล่าวกันว่า ในช่วงนับจากปี พ.ศ. 2555-2560 จะเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตหนักสุดของมวลมนุษยชาติ ทั้งการรบราฆ่าฟันกันระหว่างผู้ที่มีจิตหยาบ ชั่ว สงครามกลางเมือง สงครามระหว่างประเทศ วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเมือง ภาวะโลกร้อน ภัยธรรมชาติ น้ำท่วมโลก และโรคแปลกๆ จะมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก จะเกิดการโกลาหล เงินจะไม่มีค่า ซึ่งความวุ่นวายทั้งหมด ล้วนเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ใจหยาบทั้งสิ้น เค้าลางแห่งหายนะก็เริ่มปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์กันบ้างแล้ว

ในพุทธทำนายบางส่วนและคำทำนายขององค์อภิญญาต่างๆ  ยังได้กล่าวต่อไปว่า ช่วงกึ่งกลางพระพุทธศาสนา นับต่อนี้ไปไม่กี่ปี จะเป็นช่วงเวลาของการคัดเซ็นมนุษย์ ผู้ที่มีจิตอยู่ในศีลในธรรมหรือผู้มีบุญจะถูกคัดเลือกให้รอดพ้นจากหายนะต่างๆ พระสงฆ์บางส่วนไม่สามารถพึ่งได้ ดังนั้น ผู้มีบุญจะได้รับพระสมเด็จหรือของศักดิ์สิทธิ์เช่น พระกรุที่กำลังผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินในสถานที่ต่างๆ จำนวนมาก รวมทั้งผู้มีบุญจะเห็นลูกแก้วพญานาค เพชรนาคา ขึ้นมาจากดิน จากถ้ำ บางครั้งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ซึ่งกล่าวกันว่า นับจากช่วงเวลา 250 ปีต่อแต่นี้ไป เป็นช่วงของเหล่านาคราชจะเป็นผู้ดูแลพระพุทธศาสนา (ผู้มีบุญและศรัทธาเท่านั้น จึงจะเห็นปรากฏการณ์นี้) ผู้มีใจหยาบจะไม่เชื่อ และในที่สุดก็จะถูกภัยธรรมชาติและพวกเดียวกันทำลายซึ่งกันและกันจนหมดไป ที่กล่าวมานี้ มันเป็นเรื่องอจินไตย ที่สามารถรับรู้ได้เฉพาะตน หากท่านเป็นผู้ปฏิบัติและอยู่ในศีลในธรรม ท่านก็ไม่ต้องวิตกกังวล อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

อนึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ เป็นที่สังเกตว่า ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย กำลังเสาะแสวงหาพระสมเด็จและวัตถุมงคลต่างๆ จำนวนมาก เนื่องจากเริ่มมีความเชื่อในพระและวัตถุมงคลว่า สามารถช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ประกอบอาชีพการงานราบรื่นและร่ำรวยได้ อีกทั้งยังจะสามารถช่วยปกป้องคุ้มครองภัยพิบัติทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก และเป็นที่รู้กันว่า ในอนาคตจะมีภัยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอยู่ในศีลในธรรมจะไหลไปรวมกันปฏิบัติธรรมมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีจิตใจหยาบจะไหลไปรวมกันเป็นกลุ่มๆ หมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์ทางการเมืองและสงคราม ซึ่งจะง่ายต่อการถูกกำจัดด้วยวิบากกรรมของพวกเขาเอง ทำลายซึ่งกันและกัน ไม่มีสิ่งใดจะช่วยพวกเขาได้ แล้วท่านจะเลือกอยู่ในกลุ่มคนประเภทใด (โปรดบันทึกบทเขียนตอนนี้ไว้ในความทรงจำของท่าน เพื่อจะเป็นข้อพิสูจน์ในภายหลัง)



.
จากบทความของ ดร.ณัฐนนต์ ข้างต้น ยิ่งทำให้ผมได้คิดว่า จะทำอย่างไรจึงจะแบ่งปันพระสมเด็จออกไปให้บุคคลอื่นๆได้บูชากัน   แม้จะเป็นกำลังเพียงส่วนน้อย   แต่ก็ดีกว่าไม่ช่วยอะไรเลย    หากนำออกขาย   จะทราบได้อย่างไรว่าบุคคลที่บูชาไปนั้น เป็นคนดีมีคุณธรรม ตรงกับเป้าหมายที่ตั้งใจไว้   หรือให้สันนิษฐานไปเลยว่า บุคคลที่ติดตามข้อมูลเข้ามาในบล็อกนี้  ถือว่ามีวาสนาต่อกัน  เป็นคนดีมีคุณธรรมที่องค์สมเด็จท่านเลือกแล้ว      และยังมีปัญหาต่อไปว่า ถ้าขาย จะตั้งราคาอย่างไร  หรือจะให้ประมูล   และถ้ามีคนเพียงไม่กี่คนที่มาซื้อหรือมาประมูล   ก็จะกลายเป็นการกักตุนอยู่ในมือเพียงไม่กี่คน   ไม่ได้กระจายไปยังคนทั้งหลายตามวัตถุประสงค์     เมื่อยังมีปัญหาที่ยังหาทางออกไม่ได้เช่นนี้   ผมจึงขอค้างเรื่องนี้เอาไว้ก่อน   หากจะเปิดให้บูชาเมื่อใด ก็จะได้แจ้งให้ทราบ (ที่หน้านี้) ต่อไป

------------------------------------------------------------




๗ กันยายน ๒๕๖๑




ตามที่ได้เปิดให้บูชาเป็นพระสมเด็จวัดระฆังวังหลวง พิมพ์ใหญ่ กรอบกระจก หรือพิมพ์ขอบล่างฟันหนู หรือพิมพ์ขอบล่างขีด  โดยแบ่งผู้บูชาเป็น ๒ กลุ่ม ตั้งแต่วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘  ผลปรากฏว่าไม่มีบุคคลใดขอบูชาพระในกลุ่มที่ ๑ เลย  คงมีเพียงผู้ขอบูชาพระในกลุ่มที่ ๒   จึงไม่ผ่านเงื่อนไข (ต้องมีผู้บูชาพระในกลุ่มแรกแล้ว ผู้จองพระในกลุ่มที่สองจึงจะได้รับพระองค์ที่เหลือในคู่นั้น) 


 เนื่องจากเป็นเวลาผ่านมา ๓ ปีกว่าแล้ว  เป็นที่เห็นได้ชัดว่าจะหาผู้ที่มีกำลังทรัพย์และมีความเสียสละให้แก่ผู้ที่ศรัทธาแต่ขาดทุนทรัพย์นั้น ไม่มีเลย  วิธีการเปิดให้บูชาลักษณะนี้ไม่ได้ผล  จึงปิดการบูชาไว้เพียงเท่านี้

---------------------------------------------------------------------------------------- 

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

วัดพระธาตุแม่เจดีย์

          ปีใหม่ ๒๕๕๕ ขอให้ทุกท่านประสบแต่ความโชคดี  สมบูรณ์ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ   คิดหวังสิ่งใดขอให้สำเร็จสมความปรารถนาทุกประการเทอญ.     

          ต้นปีที่ผ่านมาผมมีวาสนา โชคดีอย่างไม่คาดฝัน     โดยปกติทุก ๆ ต้นปี ผมและครอบครัวจะออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่าง ๆ   และจะพยายามไปในสถานที่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อน     ปีนี้ผมไม่ได้วางแผนการเดินทางมาก่อน เนื่องจากมีงานมากจนถึงสิ้นปี    แม่บ้านผมชวนไปเที่ยว ปาย แม่ฮ่องสอน     ซึ่งความจริงเราเคยไปเที่ยวปายกันมาแล้ว   ไม่ควรจะไปซ้ำอีก   แต่ก็ตามใจแม่บ้าน เพราะกะว่าจะเดินทางไปเที่ยวในเมืองแม่ฮ่องสอนซึ่งเรายังไม่เคยไปด้วย     และให้บังเอิญว่าผมอ่านพบในหนังสือเล่มหนึ่งว่า   ที่วัดพระธาตุแม่เจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นเส้นทางที่เราต้องเดินทางผ่าน (จากเชียงรายไปเชียงใหม่) มีโครงการก่อสร้าง ครูบาศรีวิชัย เนื้อสำริด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก (หน้าตักกว้าง ๙ เมตร ๙ เซนติเมตร)   ออกแบบโดยศิลปินแห่งชาติ อาจารย์นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน   ค่าใช้จ่ายในการหล่อทั้งหมด ๒๗ ล้านบาท มีผู้ศรัทธาเป็นผู้อุปถัมภ์แล้ว   แต่ยังขาดฐานที่ใช้ประดิษฐาน ณ บริเวณสวนสาธารณะบ้านชุ่มเมืองเย็น ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี ๒๕๕๕ นี้   ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคจะได้รับพระเครื่องยอดเยี่ยมสมนาคุณ   ติดต่อขอบริจาคได้ที่ พระครูไพบูลย์พัฒนาภรักษ์ (อาจาย์ถวัลย์ ปรกฺกโม)  โทร 085-706-3570
          
          เราออกเดินทางในช่วงสายวันที่ ๓ มกราคม ถึงวัดพระธาตุแม่เจดีย์ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว   ผมรีบเข้าไปเพื่อจะพบท่านเจ้าอาวาสและขอบริจาคทำบุญด้วยเนื่องจากว่าเราต้องเดินทางต่อไปอีกไกล     และสิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมต้องตกตะลึง      ตามผมมาครับ.......

          นั่นคือ พระสมเด็จวังหน้า ที่มีมากล้นอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน (ท่านที่ยังไม่เคยทราบข้อมูลเกี่ยวกับพระสมเด็จวังหน้า ให้ติดตามข้อมูลและพิมพ์พระจากปีที่แล้ว....ดูหัวข้อทางด้านขวามือ)     และยังมี พระสมเด็จกรุวัดอินทรวิหาร (บางขุนพรหมนอก) ซึ่งไม่สามารถหาดูได้จากที่ใดและไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน   นอกจากนี้ยังมีวัตถุมงคลและพระโบราณอายุนับพันปี   รวมทั้งพระที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาบริจาคมากมาย เช่น พระครูบาศรีวิชัย ปี ๒๔๗๕ ซึ่งไม่สามารถหาดูได้จากที่ใดเช่นกัน

          และนี่คือ ความเป็นมาบางส่วนที่ปรากฏในโบรชัวร์ของวัด




          วันนั้นผมถ่ายรูปได้เพียงคร่าว ๆ และยังไม่ทันได้มอบปัจจัยบริจาคให้หลวงพ่อถวัลย์เลยครับ   เนื่องจากต้องรีบออกเดินทางต่อและอาจจะเป็นด้วยความที่ยังตะลึงงงกับสิ่งที่ได้เห็น     แต่ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อถวัลย์   ท่านได้มอบพระเครื่องและวัตถุมงคลให้แก่ผมและครอบครัวทุกคน   ซึ่งท่านมักจะปฏิบัติเช่นนี้เมื่อมีผู้เดินทางไปกราบ ไปเยี่ยมชม หรือไปบริจาคทำบุญ     และพระเครื่องหรือวัตถุมงคลที่ท่านมอบให้นั้นมิใช่พระที่สร้างขึ้นใหม่แต่อย่างใด   แต่เป็นพระเครื่องหรือวัตถุมงคลโบราณอันทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง     ผมตั้งใจว่า ขากลับจากปาย ผมจะนำปัจจัยที่เตรียมไว้แต่แรกแล้วไปบริจาคทำบุญกับท่านให้ได้

          เราเดินทางไปเที่ยวปายได้สามคืนก็มีอันต้องเดินทางกลับ   ไม่ได้ไปเที่ยวในเมืองแม่ฮ่องสอนต่อ   เพราะขาไปยังไม่ทันถึงปาย เจ้าตัวเล็กก็อ้วกระหว่างทางซะแล้ว   ก็เส้นทางนั้นโค้งซ้ายโค้งขวาอยู่ตลอดเวลา   ถ้าไปถึงเมืองแม่ฮ่องสอนซึ่งต้องเดินทางไปอีกเท่าตัวยังนึกภาพไม่ออกว่าจะมีสภาพอย่างไร     และเมื่อถึงวันกลับ ๖ มกราคม เราเดินทางถึงวัดพระธาตุแม่เจดีย์ในเวลา ๑๕ นาฬิกา    ผมต้องเร่งกับเวลาพอสมควรเพราะพิพิธภัณฑ์จะปิดเวลา ๑๗ นาฬิกา     เมื่อไปถึงผมไม่พบหลวงพ่อถวัลย์ จึงเข้าไปถ่ายภาพภายในพิพิธภัณฑ์ตามที่ได้เคยขออนุญาตไว้ก่อนแล้ว     ผมเก็บภาพไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นเวลาเกือบ ๑๗ นาฬิกา ก็ยังไม่สามารถเก็บภาพให้ครอบคลุมได้ทั้งหมด     หลวงพ่อถวัลย์ท่านเดินเข้ามา จึงเป็นโอกาสให้ผมได้ถวายปัจจัยทำบุญและสนทนากับท่าน   และเช่นเคย ท่านได้มอบพระเครื่องล้ำค่าให้แก่ผมและครอบครัวหลายองค์ด้วยกัน   อันเป็นความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้     กระผมและครอบครัวขอกราบบูชาคุณของท่านมา ณ ที่นี้ด้วย

          คราวนี้มาชมพิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุแม่เจดีย์กันครับ     ซึ่งขอกล่าวว่ามีความวิจิตรงดงาม อลังการเป็นอย่างมาก     ไม่มีสถานที่ใดที่จะสามารถทำเช่นนี้ได้อีกแล้ว   เพราะอะไรจึงกล่าวเช่นนั้น ....ตามไปชมครับ     แต่ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบว่า ภาพทุกภาพไม่สามารถให้สีสรรได้ถูกต้องตรงกับความจริงเนื่องจากสภาพแสงไม่เอื้ออำนวยและเวลาที่มีจำกัด   และหลายต่อหลายภาพต้องถ่ายผ่านตู้กระจกซึ่งไม่สามารถหามุมที่ไม่มีแสงสะท้อนได้   บางภาพก็จำต้องถ่ายจากมุมด้านข้าง     เมื่อชมภาพกันเสร็จแล้วก็ขอเชิญไปชมจากสถานที่จริงพร้อมร่วมกันทำบุญด้วยนะครับ   อย่าลืมเผื่อเวลาไว้มาก ๆ แล้วกัน

พระธาตุแม่เจดีย์

หอพระทันใจ อยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์   ภายในประดิษฐานพระเจ้าทันใจ ปู่ฤษี หลวงปู่ทวด   และที่ผนังประดับไปด้วยพระสมเด็จวังหน้าขนาดบูชา พระสมเด็จ พระซุ้มกอ พระนางพญา ฯลฯ มากมาย



พระสมเด็จวังหน้า ขนาดบูชา ประดับอัญมณี รายล้อมด้วยพระโบราณกรุวัดน้อย










 พระสมเด็จกรุวัดอินทรวิหาร (บางขุนพรหมนอก)






 เมื่อเดินเข้าไปที่หอพระทองคำและพิพิธภัณฑ์จะพบกับห้องโถง
บริเวณทางเข้าด้านซ้ายมือประดิษฐานพระอุปคุต

 ด้านซ้ายมือถัดไปเล็กน้อยเป็นหอพระทองคำ








มองเข้าไปภายใน คือ พระพุทธรูปทองคำ ที่หลวงพ่อถวัลย์ขุดค้นพบ

 หันมาอีกด้านจะเห็นโถงกว้าง  มีตู้เก็บพระมากมาย
หากมองตรงไปข้างหน้านั้นคือ พิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุแม่เจดีย์


มาชมพระที่อยู่ภายในห้องโถงนี้กันก่อนดีกว่า ........













พระสมเด็จวังหน้า พิมพ์ทรงเจดีย์

บริเวณที่นั่งหรืออาสนะ



พระสมเด็จวังหน้า เบญจภาคี ประดับอัญมณี






พระสมเด็จวังหน้าพิมพ์ต่าง ๆ



































ซุ้มทางเข้าพิพิธภัณฑ์

เพดานซุ้มทางเข้า

 ขอบซุ้มทางเข้า

พระสมเด็จกรุวัดอินทรวิหาร (บางขุนพรหมนอก)



ยังคงอยู่กันบริเวณซุ้มประตู









เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้าไปแล้ว
มองกลับไปก็ยังพบเห็นพระเครื่องและพระบูชาตามซุ้มประตูด้านในอีกมากมาย










และต่อไปคือ ภายในพิพิธภัณฑ์    ......เชิญตามผมเข้าไปชมกันเลยครับ









































































































          เป็นอย่างไรบ้างครับ กับความวิจิตรงดงามเหลือจะบรรยาย   และท่านทั้งหลายคงเห็นภาพแล้วว่า เหตุใดผมจึงตื่นตะลึงกับสิ่งที่พบเห็นในเบื้องหน้าอย่างไม่คาดคิดมาก่อน     หลวงพ่อถวัลย์ท่านเก็บรักษาพระเครื่องและพระบูชาที่เห็นนี้เป็นอย่างดีและเก็บรักษามายาวนาน   เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วท่านจึงนำออกมาเปิดเผย โดยบรรจงสรรสร้างหอพระทันใจ หอพระทองคำ และพิพิธภัณฑ์ เพื่อเก็บรักษาพระเครื่องพระบูชาเหล่านี้ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและกราบไหว้บูชา
          หลวงพ่อถวัลย์ยังเป็นนักพัฒนาอย่างยิ่งยวด   ท่านและพระลูกศิษย์ในวัดทุกรูปทำงานพัฒนากันทุกวันโดยไม่มีวันหยุด   ท่านมีโครงการต่าง ๆ มากมาย เช่น   สร้างโบสถ์เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง   สร้างพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก ๓๐ นิ้ว จำนวน ๑๕๙ องค์ บนยอดเขา   อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยการอนุรักษ์ป่าไม้บริเวณเขตใกล้เคียงให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด เหมาะแก่การเป็นป่าต้นน้ำ   โครงการวังมัจฉา โดยร่วมกับกรมป่าไม้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยย่าคำมาและปล่อยปลากว่า ๔๐ ชนิด จำนวนมากกว่า ๔๐๐,๐๐๐ ตัว   โครงการเขื่อนดอยงู กักเก็บน้ำไว้ใช้เป็นประโยชน์ต่อชุมชนในพื้นที่   โครงการสวนสาธารณะบ้านชุ่มเมืองเย็น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนและประดิษฐานรูปเหมือนครูบาศรีวิชัย หล่อด้วยทองสำริด ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตามที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น ฯลฯ
          รายละเอียดเกี่ยวกับวัดพระธาตุแม่เจดีย์และพระเครื่องพระบูชาตามที่นำเสนอมานี้   สามารถติดตามได้จากหนังสือ "วัดพระธาตุแม่เจดีย์ พระกรุพันปี พระวังหน้า พระสมเด็จกรุวัดอินทร์"   เรียบเรียงโดย จงคิด ชินวินิจกุล   ทำบุญได้ที่วัดในราคาเล่มละ ๖๐๐ บาท
       
          บางส่วนจากหนังสือ.................









(ต้องขออนุญาตทางวัดและผู้เขียนผู้เรียบเรียงหนังสือ มา ณ ที่นี้ด้วย ที่นำบางส่วนในหนังสือมาเปิดเผย   ด้วยมีเจตนาจะเชิญชวนสาธุชนทุกท่านที่มีจิตเคารพศรัทธาให้ไปทำบุญที่วัดเท่านั้น   มิได้มีเจตนาจะนำไปแสวงหาผลประโยชน์ในทางหนึ่งทางใดทั้งสิ้น   หากเห็นว่าไม่เหมาะสมประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้   และได้โปรดแจ้งให้ทราบด้วยเพื่อจะได้ลบภาพและข้อความเสีย)




          ยังมีสิ่งที่น่ายินดีสำหรับผู้ที่สนใจพระสมเด็จวังหน้า     หากต้องการพระสมเด็จวังหน้าขนาดบูชา ซึ่งไม่สามารถหาได้ง่าย ๆ ในปัจจุบัน     ทางวัดเปิดให้บูชาเพียงองค์ละ ๙๙๙ บาทเท่านั้น เท่าที่เห็นมีพิมพ์พระประธาน พิมพ์เกศไชโยฐาน ๗ ชั้น และ ๙ ชั้น พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์หูยานเกศทะลุซุ้ม   (ทุกพิมพ์ไม่มีอัญมณีใด ๆ ประดับ)




          สำหรับผู้ที่ศรัทธาต้องการไว้บูชาจริง ๆ คงต้องรีบแล้วหล่ะครับ   ผมไม่ทราบว่าหลวงพ่อถวัลย์ท่านนำออกมาให้บูชากันมากน้อยเพียงใด  และยังเหลืออีกกี่องค์   แต่วันที่ผมไปก็มีเหลือให้เห็นอยู่ตามภาพเท่านั้น     เชิญชวนกันไปทำบุญครับ หากโชคดีได้พบหลวงพ่อถวัลย์อาจได้รับพระเครื่องชั้นเยี่ยมกลับไปบูชากันด้วย   เพราะท่านมีเมตตามากอย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว   ท่านมักจะแจกพระให้แก่คนที่เข้าไปเยี่ยมชม ไปทำบุญ โดยไม่คิดหวงหรือหวังประโยชน์ตอบแทนใด ๆ เลย
       
          โชคดีปีใหม่จงมีแด่ทุก ๆ ท่านครับ