วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หนังสือวัดพระธาตุแม่เจดีย์ เล่ม 2

          และแล้วก็ถึงวันที่รอคอย   หนังสือวัดพระธาตุแม่เจดีย์ เล่ม 2  ที่จะมาไขข้อค้างคาใจบางประการที่ยังติดอยู่ในเล่ม 1   โดยเล่มนี้ใช้ชื่อว่า  "วัดพระธาตุแม่เจดีย์ คำตอบสุดท้ายของวงการพระเครื่อง"   ปกแข็ง พิมพ์สีทั้งเล่มเช่นเดียวกับเล่มแรก   แต่มีขนาดเล็กลงเท่าพ็อคเก็ตบุ๊ค   ทำให้ภาพมีขนาดเล็กลงตามขนาดหนังสือด้วย  แต่ก็ทำให้หยิบจับไปอ่านตามสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวก   จำนวน 331 หน้า ราคา 500 บาท (โปรดสอบถามราคาจากทางวัดอีกครั้ง)   มีเนื้อหาสาระที่สำคัญคือ
          - ประวัติพระธาตุแม่เจดีย์
          - เส้นทางการเดินทางของพระเครื่องจากกรุงเทพฯ
          - พระสมเด็จวังหน้าและพระสมเด็จกรุวัดอินทรวิหาร  ที่พบจากวัดอื่น
          - วิเคราะห์พระสมเด็จวังหน้า  ทั้งในเรื่อง พระรูปของ ร.๕   ตราที่ประทับ ศักราช อัญมณี และตัวหนังสือที่ปรากฏบนองค์พระ
          - วิเคราะห์พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ขอบล่างฟันหนู
          - ภาพพระเครื่องต่าง ๆ 

และนี่เป็นบางส่วนที่เรียกน้ำย่อย


































          หากสนใจหนังสือ เชิญติดต่อบูชาที่วัด หรือโทรสอบถามหลวงพ่อถวัลย์ หรือ ผู้เขียน (จงคิด ชินวินิจกุล) ตามเบอร์โทรที่ปรากฏในภาพครับ

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

พระสมเด็จวังหน้าขนาดบูชา

          นอกจากพระเครื่องที่สามารถบูชาติดตัวได้แล้ว   ช่างสิบหมู่ยังถ่ายทอดจินตนาการผ่านออกมาในรูปของพระบูชาและวัตถุมงคลแบบต่าง ๆ มากมาย    ดังได้เห็นกันแล้วที่วัดพระธาตุแม่เจดีย์    และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งจากจินตนาการอันล้ำเลิศดังกล่าว



พิมพ์ (เกศ) ไชโย
องค์นี้มีขนาดใหญ่กว่าองค์อื่น ๆ ที่เคยเห็น   มีคราบรัก ชาด หลงเหลืออยู่  เข้าใจว่าเจ้าของเดิมอาจพยายามล้างออก เพราะมีร่องรอยเหมือนการถู   เนื้อพระแก่ปูน


ด้านหลังมียันต์  และระบุ พ.ศ. ๒๔๑๑






..................................................................


พิมพ์พระประธาน
ขนาดประมาณกระดาษ A4 หรือใหญ่กว่าเล็กน้อย   เนื้อพระแก่ปูนเช่นเดียวกัน



..................................................................

พิมพ์ปรกโพธิ์พระประธาน



..................................................................

พิมพ์พระประธานเกศทะลุซุ้ม



..................................................................

องค์นี้ขนาดประมาณฝ่ามือ  ถักเชือกหุ้มขอบ  มีกริ่ง  มีคราบกรุสีออกเหลืองส้ม
พลังอิทธิบารมีในหลวงปู่โตสูงยิ่ง   พบมีหลายพิมพ์ด้วยกัน



..................................................................

Update 15 ตุลาคม 2555

12 นักษัตร   ขนาดประมาณกระดาษ A4 หรือใหญ่กว่าเล็กน้อย
ความวิจิตรบรรจงของช่างหลวง ถ่ายทอดออกมาได้อย่างงดงาม



วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การเปิดให้บูชาพระ

          ความตั้งใจแต่แรกเริ่มที่ผมสร้างบล็อกนี้ขึ้นมา คือ    ต้องการเผยแพร่พระสมเด็จวังหน้า  รวมทั้งพระสมเด็จสกุลอื่นๆ (หากมี) ให้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น  ให้บุคคลทั่วไปได้ทราบว่ายังมีพระสมเด็จแท้ๆที่หลวงปู่โตท่านเมตตาอธิษฐานจิต และมีพลังพุทธานุภาพสูงล้ำกว่าพระเครื่องใดๆ    ทั้งยังพอหาบูชาตามสนามพระได้อยู่ในราคาที่ไม่สูงนัก    ไม่ต้องหลงอยู่ในวังวนของพวกพุทธพาณิชย์    จึงนำพิมพ์พระต่างๆมาลงไว้ให้ศึกษากัน  โดยไม่ได้คิดจะนำออกให้บูชาแต่อย่างใด
          .
          แต่ระยะหลังมีหลายท่านติดต่อมาขอบูชา    อาจเป็นเพราะตามสนามพระทั่วไปน่าจะมีน้อยลง เนื่องจากมีหลายๆท่านที่ทราบข้อมูลและตามเก็บมานานแล้ว   หรือบางท่านไปเดินตามสนามพระแล้วอาจไม่แน่ใจว่าองค์ที่พบที่เห็นจะเป็นของแท้หรือไม่    ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ    พระสมเด็จแท้นั้นจะดูเป็นได้ก็เมื่อต้องเห็นต้องสัมผัสองค์ที่แท้มาก่อน   ยิ่งเห็นมากยิ่งสัมผัสมากก็จะดูออกง่ายมากขึ้นเท่านั้น    การศึกษาจากเพียงตำราหรือภาพถ่ายคงไม่สามารถช่วยให้เข้าใจได้เท่ากับการสัมผัสองค์จริง
          .
          ในใจจริงผมก็อยากจะให้ผู้คนทั้งหลายที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ในศีลในธรรม เคารพและบูชาในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต   ได้มีพระสมเด็จแท้ๆไว้บูชาติดตัวกันทุกคน   อิทธิบารมีในองค์สมเด็จจะได้ช่วยเกื้อหนุนให้เจริญรุ่งเรืองและคุ้มครองให้ปลอดภัย     ผมโชคดีมีบุญวาสนาที่ได้บูชาพระสมเด็จอยู่จำนวนหนึ่ง   ซึ่งมีทั้งพระสมเด็จวังหน้า พระสมเด็จวังหลวง พระสมเด็จบางขุนพรหม และพระสมเด็จวัดระฆัง    ก็อาจจะถือว่ามาก  แต่ก็ไม่มากไปกว่าหลายๆท่านที่มีไว้ในครอบครองหลายพันหรือนับหมื่นองค์      ผมไม่เคยนำออกให้บูชาในลักษณะ "ขาย" หรือที่เรียกกันในภาษาวงการพระว่า "ให้เช่า"      มีแต่ "มอบให้"  ให้ด้วยความปีติยินดียิ่ง   ด้วยหวังว่าพระสมเด็จที่มอบให้นี้จะช่วยคุ้มครองบุคคลนั้นๆให้เจริญรุ่งเรืองและปลอยภัย     แต่การมอบให้นั้นผมต้องเลือกบุคคลที่เหมาะสม  บุคคลที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นคนดี มีคุณธรรม    เพราะพระสมเด็จท่านเลือกบุคคลที่จะอยู่ด้วย   หากผมมอบให้ใครต่อใครไปโดยไม่พิจารณาเลยว่าบุคคลนั้นเป็นคนดีมีคุณธรรมหรือไม่   ผมย่อมทำผิด      นอกจากนี้โลกเราในวันข้างหน้าอาจเกิดกาลวิกฤติ    พลังพุทธานุภาพในองค์พระสมเด็จจะช่วยคุ้มครองให้คนดีมีคุณธรรมอยู่รอดปลอดภัย
          .
          ผมได้อ่านบทความหนึ่งของ ดร.ณัฐนนต์  สิปปภากุล  มีข้อความส่วนหนึ่งที่น่าสนใจมาก   ขออนุญาตคัดลอกมาลงไว้ ณ ที่นี้
พระสมเด็จวัดระฆัง : มุมมองทางด้านวิชาการ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์  สิปปภากุล
Asst. Prof. Dr.Natdhnond Sippaphakul 
D.A. ( Arts and Culture Research)

.
ในช่วงปัจจุบันนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า เริ่มมีพระสมเด็จพิมพ์ต่างๆ หลายเนื้อ หลายสภาพ ปรากฏขึ้นมามาก โดยเฉพาะกับผู้ที่มีบุญหรือผู้ที่ปฏิบัติธรรม นั่นอาจเป็นเพราะว่า ถึงช่วงเวลาที่องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านได้กำหนดไว้ ผู้มีบุญและผู้ศรัทธาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็มักจะได้เห็นและได้ครอบครองพระสมเด็จด้วยวิธีแปลกๆ อย่างไม่คาดฝัน โดยเฉพาะผู้ที่สวดพระคาถาชินบัญชรมานาน ผู้เขียนเคยสนทนากับผู้มีญาณทั้งหลาย ทั้งพระอริยสงฆ์ ผู้บรรลุธรรมชั้นสูง ผู้มีองค์ใน ล้วนกล่าวตรงกันว่า นับจากปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ถือเป็นช่วงกึ่งกลางของพุทธศาสนาที่บรรดาเทพทั้งหลาย ต้องลงมาดูแลพระพุทธศาสนาต่อจากพระสงฆ์ ตามที่อาสาไว้เมื่อครั้งพุทธกาล และยังกล่าวกันว่า ในช่วงนับจากปี พ.ศ. 2555-2560 จะเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตหนักสุดของมวลมนุษยชาติ ทั้งการรบราฆ่าฟันกันระหว่างผู้ที่มีจิตหยาบ ชั่ว สงครามกลางเมือง สงครามระหว่างประเทศ วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเมือง ภาวะโลกร้อน ภัยธรรมชาติ น้ำท่วมโลก และโรคแปลกๆ จะมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก จะเกิดการโกลาหล เงินจะไม่มีค่า ซึ่งความวุ่นวายทั้งหมด ล้วนเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ใจหยาบทั้งสิ้น เค้าลางแห่งหายนะก็เริ่มปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์กันบ้างแล้ว

ในพุทธทำนายบางส่วนและคำทำนายขององค์อภิญญาต่างๆ  ยังได้กล่าวต่อไปว่า ช่วงกึ่งกลางพระพุทธศาสนา นับต่อนี้ไปไม่กี่ปี จะเป็นช่วงเวลาของการคัดเซ็นมนุษย์ ผู้ที่มีจิตอยู่ในศีลในธรรมหรือผู้มีบุญจะถูกคัดเลือกให้รอดพ้นจากหายนะต่างๆ พระสงฆ์บางส่วนไม่สามารถพึ่งได้ ดังนั้น ผู้มีบุญจะได้รับพระสมเด็จหรือของศักดิ์สิทธิ์เช่น พระกรุที่กำลังผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินในสถานที่ต่างๆ จำนวนมาก รวมทั้งผู้มีบุญจะเห็นลูกแก้วพญานาค เพชรนาคา ขึ้นมาจากดิน จากถ้ำ บางครั้งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ซึ่งกล่าวกันว่า นับจากช่วงเวลา 250 ปีต่อแต่นี้ไป เป็นช่วงของเหล่านาคราชจะเป็นผู้ดูแลพระพุทธศาสนา (ผู้มีบุญและศรัทธาเท่านั้น จึงจะเห็นปรากฏการณ์นี้) ผู้มีใจหยาบจะไม่เชื่อ และในที่สุดก็จะถูกภัยธรรมชาติและพวกเดียวกันทำลายซึ่งกันและกันจนหมดไป ที่กล่าวมานี้ มันเป็นเรื่องอจินไตย ที่สามารถรับรู้ได้เฉพาะตน หากท่านเป็นผู้ปฏิบัติและอยู่ในศีลในธรรม ท่านก็ไม่ต้องวิตกกังวล อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

อนึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ เป็นที่สังเกตว่า ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย กำลังเสาะแสวงหาพระสมเด็จและวัตถุมงคลต่างๆ จำนวนมาก เนื่องจากเริ่มมีความเชื่อในพระและวัตถุมงคลว่า สามารถช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ประกอบอาชีพการงานราบรื่นและร่ำรวยได้ อีกทั้งยังจะสามารถช่วยปกป้องคุ้มครองภัยพิบัติทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก และเป็นที่รู้กันว่า ในอนาคตจะมีภัยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอยู่ในศีลในธรรมจะไหลไปรวมกันปฏิบัติธรรมมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีจิตใจหยาบจะไหลไปรวมกันเป็นกลุ่มๆ หมกมุ่นอยู่กับเหตุการณ์ทางการเมืองและสงคราม ซึ่งจะง่ายต่อการถูกกำจัดด้วยวิบากกรรมของพวกเขาเอง ทำลายซึ่งกันและกัน ไม่มีสิ่งใดจะช่วยพวกเขาได้ แล้วท่านจะเลือกอยู่ในกลุ่มคนประเภทใด (โปรดบันทึกบทเขียนตอนนี้ไว้ในความทรงจำของท่าน เพื่อจะเป็นข้อพิสูจน์ในภายหลัง)



.
จากบทความของ ดร.ณัฐนนต์ ข้างต้น ยิ่งทำให้ผมได้คิดว่า จะทำอย่างไรจึงจะแบ่งปันพระสมเด็จออกไปให้บุคคลอื่นๆได้บูชากัน   แม้จะเป็นกำลังเพียงส่วนน้อย   แต่ก็ดีกว่าไม่ช่วยอะไรเลย    หากนำออกขาย   จะทราบได้อย่างไรว่าบุคคลที่บูชาไปนั้น เป็นคนดีมีคุณธรรม ตรงกับเป้าหมายที่ตั้งใจไว้   หรือให้สันนิษฐานไปเลยว่า บุคคลที่ติดตามข้อมูลเข้ามาในบล็อกนี้  ถือว่ามีวาสนาต่อกัน  เป็นคนดีมีคุณธรรมที่องค์สมเด็จท่านเลือกแล้ว      และยังมีปัญหาต่อไปว่า ถ้าขาย จะตั้งราคาอย่างไร  หรือจะให้ประมูล   และถ้ามีคนเพียงไม่กี่คนที่มาซื้อหรือมาประมูล   ก็จะกลายเป็นการกักตุนอยู่ในมือเพียงไม่กี่คน   ไม่ได้กระจายไปยังคนทั้งหลายตามวัตถุประสงค์     เมื่อยังมีปัญหาที่ยังหาทางออกไม่ได้เช่นนี้   ผมจึงขอค้างเรื่องนี้เอาไว้ก่อน   หากจะเปิดให้บูชาเมื่อใด ก็จะได้แจ้งให้ทราบ (ที่หน้านี้) ต่อไป

------------------------------------------------------------




๗ กันยายน ๒๕๖๑




ตามที่ได้เปิดให้บูชาเป็นพระสมเด็จวัดระฆังวังหลวง พิมพ์ใหญ่ กรอบกระจก หรือพิมพ์ขอบล่างฟันหนู หรือพิมพ์ขอบล่างขีด  โดยแบ่งผู้บูชาเป็น ๒ กลุ่ม ตั้งแต่วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘  ผลปรากฏว่าไม่มีบุคคลใดขอบูชาพระในกลุ่มที่ ๑ เลย  คงมีเพียงผู้ขอบูชาพระในกลุ่มที่ ๒   จึงไม่ผ่านเงื่อนไข (ต้องมีผู้บูชาพระในกลุ่มแรกแล้ว ผู้จองพระในกลุ่มที่สองจึงจะได้รับพระองค์ที่เหลือในคู่นั้น) 


 เนื่องจากเป็นเวลาผ่านมา ๓ ปีกว่าแล้ว  เป็นที่เห็นได้ชัดว่าจะหาผู้ที่มีกำลังทรัพย์และมีความเสียสละให้แก่ผู้ที่ศรัทธาแต่ขาดทุนทรัพย์นั้น ไม่มีเลย  วิธีการเปิดให้บูชาลักษณะนี้ไม่ได้ผล  จึงปิดการบูชาไว้เพียงเท่านี้

----------------------------------------------------------------------------------------