วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความมหัศจรรย์ของน้ำและการสวดมนต์

          หลายวันก่อนได้สนทนากับเพื่อนธรรมในเรื่องพระเครื่องของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี   เรื่อยมาถึงเรื่องการสวดมนต์   ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่ามีข้อมูลอยู่เรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นอานุภาพของการสวดมนต์อย่างประจักษ์ชัดด้วยสายตาในวิถีทางของวิทยาศาสตร์


Message From Water


          Dr.Masaru Emoto ได้ทำการวิจัยในเรื่องของน้ำภายในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ กันในโครงการวิจัยที่เรียกว่า HADO WATER   หลังจากรวบรวมน้ำในที่ต่าง ๆ มาทำการทดลองโดยให้สภาพแวดล้อมต่าง ๆ กัน   แล้วนำน้ำนั้นมาแช่แข็งจนได้เป็นผลึกน้ำแข็งในรูปแบบต่าง ๆ โดยทำการทดลองในห้องเย็น 5c   หยดน้ำตัวอย่างที่ได้ลงบนจานที่ทำจากน้ำแข็งแห้ง   แช่เย็นไว้ 2 ชั่วโมง  แล้วถ่ายภาพผลึกด้วยกล้องไมโครสโคปความเร็วสูง กำลังขยาย 200 – 500 เท่า   และรวบรวมผลของผลึกน้ำไว้กว่าหมื่นภาพ   ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง   จนได้ข้อสรุปที่เรียกว่า …Message From Water

          ผลการทดลองพบว่า โครงสร้างของผลึกน้ำที่สะอาดจะอยู่ในรูปหกเหลี่ยมมาตรฐาน   และผลึกจะพยายามคงรูปทรงนั้นไว้ให้ได้มากที่สุด   ลองดูภาพผลึกน้ำสะอาดจากสถานที่ต่าง ๆ ครับ

Antarctic Ice


Deininger Weiher, Germany


Dianshan Lake, China


Fountain of Lourdes, France


Fuji River, Japan


Han-gang River, South Korea


Mount Cook Glacier, New Zealand


Natural water from Reggina, Italy


River Ganges, India


Rock Creek Water, Byron Bay, Australia


Shimanto River, Japan


Stewart Mineral Springs, Mt Shasta, USA


Zam Zam Water, Saudi Arabia



คราวนี้มาชมการทดลองนำตัวอย่างน้ำผ่านเสียงเพลงแบบต่าง ๆ ทิ้งไว้ 1 คืน

Air on a G String, Bach


Farewell Song, Chopin


Pastorale, Beethoven


Symphony No.40, Mozart


A Korean Folk Song, Ariran


Amazing Grace


Edelwise


Imagine, John Lennon


Yesterday, The Beatles

A Heavy Metal Song


          จะเห็นได้ว่าเพลงร็อค ซึ่งเป็นเพลงที่รุนแรง ดุดัน เนื้อหาค่อนไปในทางลบ  ส่งผลให้โครงสร้างผลึกน้ำแตกตัวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย     เพลงคลาสสิคและเพลงโฟล์ค ก่อให้ผลึกน้ำเป็นรูปสวยงาม   ส่วนเพลงแนวอำลาอย่าง  Farewell Song  ส่งผลให้ผลึกน้ำมีการแยกตัวออกจากกันอย่างชัดเจน


การทดลองผ่านคำพูด โดยพูดกับน้ำทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน

พูดว่า Angel (นางฟ้า)


พูดว่า Eternal (นิรันดร)



 
พูดว่า Love and gratitude (รักและกตัญญู)


พูดว่า Peace (ความสงบ)



พูดว่า Spirit (จิตวิญญาณ)

พูดว่า Thank you (ขอบคุณ)


พูดว่า Truth (ความจริง)


พูดว่า Harmony (ความสามัคคี)


พูดว่า Wisdom (ความฉลาด)


พูดว่า You disgust me (ฉันเกลียดแก)


พูดว่า You fool (แกโง่)


พูดว่า Evil (ชั่วร้าย, เลว)


          จะเห็นได้ว่า คำพูดที่ดี ส่งผลให้โครงสร้างของผลึกน้ำเรียงตัวสวยงาม   ส่วนคำพูดที่เลวร้ายจะส่งผลให้ผลึกน้ำแตกตัวและดูน่ากลัว



คราวนี้มาชมภาพผลึกน้ำเปรียบเทียบก่อนและหลังผ่านเสียงสวดมนต์กันบ้าง

Before prayer ceremony at Lake Biwa in 1999
ภาพผลึกน้ำก่อนผ่านพิธีกรรมที่ทะเลสาบบีวา


After prayer ceremony at Lake Biwa
ภาพผลึกน้ำหลังผ่านพิธีกรรมที่ทะเลสาบบีวา


Before the prayer ceremony in Bahamas
ภาพผลึกน้ำก่อนผ่านพิธีกรรมที่บาฮามาส


After the prayer ceremony in Bahamas
ภาพผลึกน้ำหลังผ่านพิธีกรรมที่บาฮามาส


Before the Buddhist prayer was offered at Fujiwara dam
ภาพผลึกน้ำก่อนผ่านการสวดมนต์ทางพุทธศาสนาที่เขื่อนฟูจิวารา


After the Buddhist prayer was offered to Fujiwara dam
ภาพผลึกน้ำหลังผ่านการสวดมนต์ทางพุทธศาสนาที่เขื่อนฟูจิวารา


          จากการทดลองจะเห็นได้ว่า คำพูด ตัวอักษร เสียงเพลง รูปภาพที่ดีและงดงาม ล้วนแล้วแต่มีผลทำให้ผลึกน้ำสวยงามสว่างไสวขึ้น   โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงที่เกิดจากการสวดมนต์ในพระพุทธศาสนามีผลทำให้ผลึกน้ำเปลี่ยนแปลงสวยงามสว่างไสว แฝงไว้ด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด   การสวดมนต์บ่อย ๆ จึงมีผลทำให้น้ำในร่างกายของเราซึ่งมีมากถึง 70% สว่างไสว งดงาม   และจะมีผลโดยตรงกับใจของเรา เพราะทุกถ้อยคำที่ผ่านออกมาจากใจของการสวดมนต์นั้นล้วนแต่เป็นถ้อยคำที่งดงาม สละสลวย เป็นถ้อยคำที่กล่าวสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย   ในขณะที่เราสวดมนต์ กาย วาจา ใจของเราจึงห้อมล้อมไปด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่ งดงาม สะอาดบริสุทธิ์   ชีวิตจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

          นอกจากการทดลองของ Dr.Masaru Emoto แล้ว   ยังมีการพิสูจน์ในอีกวิธีหนึ่ง คือ การถ่ายภาพออร่า หรือ เทคนิคการถ่ายภาพแบบเกอร์เลี่ยนโดยใช้กล้องที่ออกแบบเฉพาะ



ภาพออร่าจากน้ำกรองธรรมดา  
น้ำที่สะอาดมีความชุ่มชื้นเต็มไปด้วยพลังหล่อเลี้ยงชีวิตอยู่แล้ว จึงมีความสว่างไสวในระดับหนึ่ง



ภาพออร่าจากน้ำที่ฟังเสียงปลุกระดมคนมาฆ่ากัน
ออร่าลดความสว่าง ปรากฏรังสีทะมึน ดูน่ากลัว


ภาพออร่าจากน้ำที่ฟังเสียงพระที่ประชาชนนับถือเทศน์
ปรากฏแสงสว่างเฉิดฉายจนมองไม่เห็นแก้วน้ำ

และมีผู้ทดลองถ่ายภาพออร่าของน้ำที่ผ่านการฟังบทสวดต่าง ๆ แล้วพบว่า  บทสวดอิติปิโส ซึ่งเป็นการกล่าวสรรเสริญพระรัตนตรัย   ไม่มีการเรียกร้องให้คุ้มครองหรือเอาของดีเข้าตัวใด ๆ   เป็นบทสวดที่ให้ความสว่างไสวของออร่ามากที่สุดดังภาพที่เห็นนี้



          รู้เช่นนี้แล้ว เชื่อว่าต่อไปพวกเราจะคิดดี ทำดี และพูดดีทุกวัน   ด้วยคำพูดที่ดี คำพูดที่ไพเราะ แม้แต่คำง่าย ๆ ว่า "ขอบคุณครับ/คะ"  หรือ "ขอโทษครับ/คะ"   ก็ส่งผลต่อจิตใจของเราและผู้อื่นได้ไม่น้อย   และหากหาเวลาหาโอกาสสวดมนต์ภาวนาได้ทุก ๆ วัน หรือ เปิดบทสวดมนต์จากซีดี จากไฟล์คอมพิวเตอร์ ที่บ้าน ที่ห้องนอน ในรถ ที่ทำงาน ในเกือบทุกสถานที่ที่เราอยู่   ก็จะส่งผลให้น้ำที่อยู่ในร่างกายเราสวยงามสดใส และทำให้จิตใจเราเจริญงดงามขึ้นทุก ๆ เวลา


          ผลการทดลอง ตอบคำถามให้สิ้นสงสัยได้หมดจดว่า   เหตุใดบทสวดมนต์จึงมีพลานุภาพสูงล้ำ   และน้ำมนต์ที่ประพรมหรือดื่มกินมีผลดีต่อเราจริงหรือไม่



Message From Water




วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การตรวจหาอายุพระสมเด็จ


          การตรวจพระว่าแท้หรือปลอมนั้นโดยปกติจะอาศัย “ตา” เป็นส่วนใหญ่   ตาของผู้ศึกษาและสะสม  ตาของเซียน  ตาของพ่อค้า ต่างก็มีการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันไป   ขึ้นอยู่กับความรู้ความชำนาญตามที่ได้รับการศึกษาหรือถ่ายทอดมา   หากต้นทางที่ศึกษาหรือถ่ายทอดไม่ดีหรือผิดเพี้ยนไปเสียแล้ว   ปลายทางย่อมเพี้ยนหรือผิดทางตามไปด้วย   จึงเป็นปัญหาที่ต่างฝ่ายต่างถกเถียงกันว่าพระของตนนั้นแท้  ของอีกฝ่ายนั้นปลอม   การตรวจโดยอาศัยผู้ทรงฌาณกำหนดจิตรู้สัมผัสถึงพลังที่แฝงอยู่ภายในองค์พระ เป็นวิธีการที่แม่นยำ น่าเชื่อถือ (สำหรับผู้ที่เชื่อถือ) ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์พระที่ตรวจ มีประสิทธิภาพมากที่สุด   แต่ก็เป็นจุดอ่อนให้ผู้ที่เล่นพระโดยไม่เคยฝักใฝ่ทางธรรมได้โต้แย้ง   เพราะไม่อาจมองเห็นได้ด้วย “ตา”   ตนเองจับต้องไม่ได้   ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรยืนยัน
การนำวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาใช้จึงช่วยสร้างความมั่นใจและเป็นหลักฐานอ้างอิงได้ดีทางหนึ่ง   เราคงเคยได้ยินคำว่า Carbon – 14 (คาร์บอน – 14)  แต่อาจไม่ทราบว่าคืออะไร   และวิธีการนี้สามารถตรวจหาอายุของมวลสารได้อย่างไร
โลกของเราได้รับรังสีคอสมิก (cosmic rays) ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีพลังงานสูงมหาศาลจากอวกาศตลอดเวลา   เมื่อรังสีคอสมิกทะลุผ่านมายังชั้นบรรยากาศของโลกจะเข้าชนกับอะตอมของไนโตรเจนในชั้นบรรยากาศ    อนุภาคนิวตรอนของรังสีคอสมิกจะเปลี่ยนอะตอมของไนโตรเจน-14 (โปรตอน 7 ตัว และนิวตรอน 7 ตัว) ไปอยู่ในรูปของคาร์บอน-14 (โปรตอน 6 ตัว และนิวตรอน 8 ตัว) และไฮโดรเจนอะตอม (โปรตอน 1 ตัว และไม่มีนิวตรอน)    คาร์บอน-14 เป็นธาตุกัมมันตภาพรังสี ในขณะที่ธาตุคาร์บอนธรรมดาจะมีโปรตอนและนิวตรอนอย่างละ 6 ตัว และไม่เป็นธาตุกัมมันตภาพรังสี    ในธรรมชาติตามปรกติจะมีปริมาณคาร์บอน-14 ที่น้อยนิดเมื่อเปรียบเทียบกับคาร์บอนธรรมดา เช่นในต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่ เราจะพบว่าจำนวนอะตอมของคาร์บอน-14 (สัญลักษณ์ C-14) ต่อจำนวนอะตอมของคาร์บอน-12 (C-12) จะเท่ากับ 1:1 ล้านล้าน




          ธาตุ C -14 มี ครึ่งชีวิต (half life) เท่ากับ 5,730 ปี ซึ่งหมายความว่าภายในเวลา 5,730 ปี ครึ่งหนึ่งของอะตอม C -14 ที่มีในวัตถุ จะสลายตัว และอีก 5,730 ปี ครึ่งหนึ่งของอะตอม C -14 ที่เหลือซึ่งก็คือ 1 ใน 4 ของของเดิมจะสลายตัว เป็นเช่นนี้ไปทีละครึ่งของที่มีในทุก 5,730 ปี จนกระทั่งอะตอมของ C -14 สลายตัวหมด    และเพราะเหตุว่าความร้อน ความเย็น หรือความดันใดๆ ไม่สามารถ ชะลอหรือเร่งเวลาในการสลายตัวของอะตอมเหล่านี้ได้เลย   ดังนั้นการรู้อัตราการสลายตัวของ C -14 ที่มีในวัตถุ จะทำให้นักวิทยาศาสตร์ รู้อายุของวัตถุนั้นได้ทันที   วิธีการนี้เหมาะสำหรับการคำนวณหาอายุมวลสารที่มีอายุ 50 – 60,000 ปี
         
ผมได้รับข้อมูลการตรวจหาอายุพระสมเด็จพิมพ์ขอบล่างฟันหนูจากเพื่อนธรรมคนหนึ่ง   เห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการศึกษาค้นคว้า   และเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือรับฟังได้ในทางวิทยาศาสตร์   จึงขออนุญาตนำข้อมูลดังกล่าวมาลงไว้
          เจ้าของพระได้นำพระสมเด็จพิมพ์ขอบล่างฟันหนู 5 องค์ ส่งไปตรวจที่สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตรวจหาอายุ   เนื่องจากการตรวจจำเป็นต้องบดองค์พระให้ละเอียดและมีจำนวนมวลสารมากพอ   จึงเป็นที่น่าเสียดายสำหรับองค์พระสวย ๆ ทั้ง 5 องค์ ตามภาพที่ปรากฏ









































          จากรายงานผลการทดสอบ .....ทำการวิเคราะห์เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2556    ผลการตรวจหาอายุ คือ  1170 ± 170 ปี    ตัวเลขนี้ผู้วิเคราะห์อธิบายว่า มวลสารที่เป็นองค์ประกอบในพระสมเด็จซึ่งมีอายุน้อยที่สุดคือ 170 ปี   และมวลสารที่มีอายุมากที่สุดคือ 1,170 ปี
          สรุปได้ว่า พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ขอบล่างฟันหนูมีอายุ 170 ปีล่วงมาแล้ว นับจากปี 2556 ซึ่งเป็นปีที่ทดสอบ   เท่ากับว่าสร้างเมื่อปี 2386 โดยประมาณ   สอดคล้องกับข้อมูลหลักฐานที่เคยมีผู้พบพระสมเด็จพิมพ์นี้ใต้ฐานรูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ว่าสร้างระหว่างปี 2379 - 2387   สำหรับมวลสารบางส่วนในพระสมเด็จพิมพ์นี้ที่มีอายุประมาณ 1,170 ปี คงสันนิษฐานได้ว่าเป็นมวลสารจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณที่สมเด็จโตท่านนำมาผสมลงไป
          ข้อมูลการวิเคราะห์พระสมเด็จด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์เช่นนี้   ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ของ “ชมรมศึกษาวิจัยพระเครื่องไทย”  ตามลิงค์นี้  http://amulet-association5.blogspot.com/


เพิ่มเติม
๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ 

          วันนี้ได้สอบถามจากผู้วิเคราะห์โดยตรง   ได้รับคำอธิบายว่า ผลการวิเคราะห์จะแสดงอายุของมวลสารหรือคาร์บอเนตที่มีอายุมากที่สุด คือ 1,170 ปี     ตัวเลขบวกลบ 170 ปี คือค่าความคลาดเคลื่อนที่อาจจะเป็นได้   เพราะฉะนั้น มวลสารหรือคาร์บอเนตที่มีอายุมากที่สุดของพระสมเด็จองค์ที่ตรวจสอบจึงมีอายุประมาณ 1,000 - 1,340 ปี   ไม่ได้เป็นการตรวจหาอายุว่า "สร้างเมื่อใด"    ใบรายงานผลการตรวจสอบจึงไม่ได้ระบุอายุการสร้างไว้     แต่ถ้าจะหาอายุการสร้างก็สามารถหาได้โดยใช้โปรแกรมคำนวณของต่างประเทศ  ซึ่งผู้วิเคราะห์เคยใช้โปรแกรมคำนวณหาอายุการสร้างพระสมเด็จบางขุนพรหม  ก็ได้ผลการคำนวณออกมาราวปี 2409 - 2412  ใกล้เคียงกับประวัติการสร้าง  
          ข้อมูลที่ว่า ตัวเลข 170 คือ อายุมวลสารที่มีอายุน้อยที่สุดนั้น   ผมได้รับมาจากเพื่อนธรรมที่ส่งข้อมูลให้ซึ่งบอกว่าผู้วิเคราะห์บอกเช่นนั้น   คงเป็นความเข้าใจผิด   จึงขออภัยมา ณ ที่นี้